Icon Close

แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน ปราบมาเฟียหมื่นงาคำ เล่ม ๑

แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน ปราบมาเฟียหมื่นงาคำ เล่ม ๑
สำนักพิมพ์singkornbangkok
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
No Rating
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
05 พฤษภาคม 2560
ความยาว
260 หน้า (≈ 44,813 คำ)
ราคาปก
200 บาท (ประหยัด 35%)
แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน ปราบมาเฟียหมื่นงาคำ เล่ม ๑
แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน ปราบมาเฟียหมื่นงาคำ เล่ม ๑
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
No Rating
พันตำรวจตรีแดน นรชน ได้รับมอบหมายจาก พลตำรวจโทสงคราม ยามอุทิศ อดีตมือปราบสิบแผ่นดิน ให้เป็นหัวหน้าหน่วยปราบสิบห้าท้านรก เขากับลูกน้องในทีมงาน จึงลุยจับดะ-ฉะแหลก ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม หากกระทำผิดแล้วละก็... แดน นรชน กัดไม่ปล่อยอย่างแน่นอน เขาตะลุยปราบไปทั้งสิบทิศ สมกับเป็นลูกน้องก้นกุฏิของ สงคราม ยามอุทิศ มือปราบสิบแผ่นดิน ที่คนชั่วได้ยินชื่อแล้วต้องครั่นคร้าม
แดน นรชน ซึ่งเดินทางมากวาดล้างและปราบมาเฟียของวัดหมื่นงาคำ จะต้องพบเจอเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ นานา ของผู้ที่จ้องกระทำความผิดอย่างไรบ้าง
แดน นรชน จะปราบอะไรบ้าง และเขาจะทำภารกิจได้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายหรือไม่
แดน นรชน มีวิธีการใด ในการปราบปรามเหล่าร้ายที่บ่อนทำลายประเทศชาติติดตาม และเป็นกำลังใจให้กับ แดน นรชนผู้มีฉายาว่า มือปราบสิบทิศ โดยมีสโลแกนว่า...“หลับเถิดประชา ข้าจะคุ้มภัย”
ตัวอย่างบางตอน...
ดวงตะวันลาลับทิวแมกไม้ไปแล้ว กุฏิชั้นในซึ่งเป็นที่จำวัดของครูบาอินทร์ฉัตรซึ่งมีผู้
เข้าถึงตัวได้เพียงคนเดียวเท่านั้นคือ…บุญมาก วัยสามสิบเศษซึ่งเป็นอดีตครูพละศึกษาโรงเรียนเอกชนในจังหวัด ลาออกมาทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวครูบาอินทร์ฉัตรและเป็นโยมอุปัฏฐากด้วย
ครูบาอินทร์ฉัตรวัยห้าสิบเศษนิดๆจะรับแขกที่กุฏินอก ซึ่งก็สร้างอย่างสวยงาม มีห้อง รับแขกที่ทันสมัยติดแอร์เย็นฉ่ำ มีห้องประชุมขนาดสิบที่นั่ง มีห้องสำหรับฉัน และรับประทาน
อาหารตลอดจนของว่างของแขกซึ่งเป็นฆราวาสทั่วไปด้วย
ทว่า…กุฏิชั้นในนั้นกลับเป็นไปอย่างวัดโบราณรุ่นเก่า ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆโดยเฉพาะแอร์ หรือห้องรับแขก ห้องประชุม มีเพียงหอฉันเท่านั้น แต่ก็มิดชิดที่คนภายนอกไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้
ครูบาอินทร์ฉัตรทำวัดเสร็จ บุญมากนำน้ำชาถวายทันทีเป็นกิจวัตร ท่านไม่ฉันอะไรนอกเวลาอีกแล้ว ท่านยึดปฏิบัติเช่นนี้อย่างเคร่งครัดมานานแล้ว
“บุญมาก สีหน้าเอ็งบอกว่าเป็นทุกข์นะ”
ครูบาอินทร์ฉัตรทักขึ้นหลังจากที่สังเกตมานาน
“ผมพูดกับแม่นายเอื้อง กำนันศรี แล้วก็หนานสิงหาไม่รู้เรื่องครับครูบา”
“เรื่องที่เอ็งขอโควต้าเพิ่มร้านขายธูปเทียนกับของที่ระลึกให้ญาติงั้นเรอะ”
“ใช่ครับครูบา”
“พวกเขาว่ายังไง ทำไมไม่ยอมให้เอ็งล่ะบุญมาก”
“อ้างว่าเต็ม รายได้ร้านอื่นๆจะลดลง ผมสำรวจดูแล้วเพิ่มอีกอย่างละร้านยอดขายไม่มีตกแน่ เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกเดือน ครูบาก็รู้ดี”
“มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันโว้ยบุญมาก อย่าให้มีอะไรเป็นที่เสื่อมเสียอย่างเด็ดขาด เราต้องรักษาชื่อเสียงและเกียรติคุณของวัดประดุจไข่ในหิน”
“ผมทราบดีครับครูบา แต่ว่า…”
“เอาละๆข้าจะดูตำราแล้ว เอ็งไปได้ ถ้าว่างก็ลองไปคุยคณะกรรมการวัดดูอีกครั้ง เขาอาจจะให้ก็ได้”
“ครับ ผมนมัสการลา”เขากราบลงหนึ่งครั้ง
“บุญคุ้มครองเอ็งวะบุญมาก”
จากนั้น…ก้นกุฏิของเจ้าอาวาสวัดหมื่นงาดำก็ออกจากกุฏิชั้นใน ผ่านกุฏิชั้นนอกและ
ตรงไปบ้านของหนานสิงหา ไวยาวัจกรวัยสี่สิบเศษ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมวัดโดยตำแหน่งด้วย
และเป็นผู้ที่มีคนนับหน้าถือตาทั้งตำบล
โอกาสเป็นของบุญมาก เพราะบนบ้านของหนานสิงหา มีกำนันศรีสุขกำนันตำบลหมื่นงาคำแห่งนี้ และเอื้องสาวใหญ่สดสวยคล่องแคล่วทุกๆด้าน ผู้ซึ่งทางคณะกรรมการวัดมอบให้เป็นผู้จัดการร้านค้าทั้งหมดในวัดร่วมอยู่ด้วย โดยทั้งสองมาร่วมรับประทานอาหารและหารือ
เรื่องงาน
“บุญมากกินข้าวด้วยกัน”หนานสิงหาเชิญชวนในฐานะเจ้าของบ้าน
“ขอบคุณครับพี่หนาน ผมยังไม่หิวขอดื่มแก้เครียดหน่อยเถอะครับ” บุญมากร้องขอ
“ได้เลย ตามสบายนะ” เจ้าของบ้านชงวิสกี้ยื่นส่งให้
“ขอบคุณครับ”บุญมากรับมาดื่มวาบเดียวหมดไปเกือบค่อนแก้ว แล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ”พ่อกำนันแล้วก็พี่นายเอื้องอยู่พร้อมหน้ากันพอดีผมมีเรื่องจะคุยด้วยครับ ว่าแต่ผมมารบกวนอะไรมั้ยเนี่ย”
กำนันศรีสุขโบกไม้โบกมือทันที…”ไม่เป็นไร เราคนกันเอง ข้ากับอี่นายเอื้องมาตามคำเชิญของพี่หนานสิงหาเท่านั้น เอ็งมีอะไรว่ามาได้เลย”
“ตามสบายเลยนะบุญมาก ตอนนี้พี่พักผ่อนแล้วทำงานมาทั้งวัน”เธอบอกยิ้มๆพร้อมทั้งยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ ทำให้แหวนเพชรที่นิ้วนางเล่นไฟวูบวาบ
บุญมากเริ่มเรื่อง…”ผมขอกับพ่อกำนัน พี่หนานสิงหาและพี่นายเอื้องอีกครั้งขอโควตาร้านขายดอกไม้ธูปเทียนหนึ่งร้าน กับร้านขายของที่ระลึกอีกหนึ่งร้าน”
ทั้งสามหันมามองหน้ากันทันที กำนันศรีสุขเริ่มก่อน…”บุญมาก ในที่ประชุมกรรมการวัดก็บอกไปแล้ว เพิ่มอีกไม่ได้มันจะกระทบต่อรายได้ร้านที่มีอยู่แล้ว”
“ผมสำรวจดิบดีแล้วนะครับพ่อกำนัน มันไม่กระทบแน่นอน เพราะนักท่องเที่ยวเพิ่มทุกเดือน” บุญมากชี้แจง
“เราวางกฎเกณฑ์ไว้แล้วนะว่าจะมีร้านอย่างไหนเท่าไหร่ จะไม่เพิ่มอีกเป็นอันขาด”กำนันศรีสุขชี้แจง
“นั่นมันกฎเกณฑ์เมื่อปีที่แล้ว เวลานี้ทุกอย่างดีขึ้น เราก็ต้องเพิ่มขยายร้านค้าซิครับ”
“เธอนี่ยังไงนะบุญมาก ชอบแหกกฎเกณฑ์อยู่เรื่อยเชียว จริงๆแล้วเธอในฐานะโยม อุปัฏฐานครูบา ก็ได้โควต้าไปแล้วร้านหนึ่งนี่”
“กรรมการวัดหลายคนได้สองร้านก็มี” บุญมากต่อว่าอีก
หนานสิงหาตัดบท…”ไม่ได้ก็ไม่ได้สิบุญมาก เราต้องเคารพกฎเกณฑ์ที่วางไว้ แล้วก็ไม่ต้องมาขออีก”
“พี่หนานพูดแบบนี้ได้ยังไง ผมรู้ตื้นลึกหนาบางของกรรมการวัดทุกคนดี บางคนนำ
โควต้าร้านตนเองไปเซ้งต่อให้คนอื่น แล้วมาขออีก บางคนเอาพระปลอมมาขายให้นักท่องเที่ยว
และบางคนมีอะไรกับครูบา อย่าให้ผมเปิดโปงก็แล้วกัน”
“จะมากไปแล้วนะบุญมาก!”
กำนันศรีสุข เอื้องและหนานสิงหาต่างก็โพล่งออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ก็กีดกันผม ทั้งๆที่ผมเป็นโยมอุปัฏฐากให้แก่ครูบา เอาเถอะๆ…ถ้าไม่ให้ตามที่ผมขอแล้วละก็ ผมจะเปิดโปงแม่งหมดๆใครทำอะไรไม่ดีไม่งามกับวัด”
“งั้นเอ็งก็เปิดเสียตรงนี้ซิวะ ใครเอาพระปลอมมาขาย ใครมีอะไรกับครูบาแล้วก็ใครทำไม่ดีไม่งามไว้กับวัด”
กำนันศรีสุขย้อนเสียงดัง
“ผมมีหลักฐานหลายอย่างก็แล้วกันพ่อกำนัน ถึงเวลานั้นผมจะเสนอต่อท่านนายอำเภอกับเจ้าคณะอำเภอ เพื่อให้จัดการกับเหลือบและปลิงควายที่เกาะวัดกิน ผมขอตัวครับ” ว่าแล้วบุญมากก็หุนหันลงเรือนไป เมื่อเบรคแตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สาวใหญ่เอื้องถึงกับอึ้ง ใบหน้าแดงจัด แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา นอกจากเก็บความไม่พอใจบางอย่างไว้ในใจ
กำนันศรีสุขเดือดปูดๆ โวยวายลั่นตามหลังบุญมาก…”เอ็งลองอ้าปากพูดซิวะ รับรองไม่ได้เห็นตะวันในวันพรุ่งนี้แน่”
“ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย เป็นโยมอุปัฏฐากครูบาอยู่ดีๆแท้ๆกลับมีกิเลสครอบงำจิตใจ เท่ากับหาเรื่องใส่ตัว”หนานสิงหาว่า
ทั้งสามจึงเปลี่ยนเรื่องที่จะหารือกันเกี่ยวกับผลประโยชน์ของวัดแนวใหม่ กลับต้องเปลี่ยนเรื่องมาเป็นเรื่องของบุญมากไปเสีย
+ + +
สายของวันนี้…บุญมากขับปิกอัพคู่ชีพมุ่งสู่ตัวอำเภอดงสามหมื่น ซึ่งอยู่ห่างจากตำบลหมื่นงาคำราวๆสิบห้ากิโลเมตร ขณะนั้นมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งบึ่งตามมาด้วยความเร็วสูงจนทัน มีคนซ้อนท้ายมาด้วย โดยคนขี่นั้นใส่หมวกอุ่นคลุมใบหน้าและสวมหมวกกันน็อคไว้ด้วย
และแล้ว…มอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ประกบด้านคนขับพอได้ที่แล้ว คนซ้อนท้ายซึ่งไม่ได้สวมหมวกกันน็อคก็ชักปืน.357 ออกมาจ่อยิงผ่านกระจกที่ปิดอยู่ทันที
เปรี้ยง…เปรี้ยง…เปรี้ยง…เปรี้ยง
รถปิกอัพเกิดอาการเป๋ทันที มอเตอร์ไซค์คันนั้นเห็นผลงานแล้วรีบบึ่งหนีด้วยความเร็ว
ที่เหนือกว่า
บุญมากเจอเข้าไปสี่นัดซ้อน เขาตาเหลือกลาน มือที่ถือพวงมาลัยอยู่ปล่อยทันทีรถจึงเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทางในวินาทีนั้น
โครม ม ม
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว หน้ารถย่นเข้ามาเสียหายยับเยิน บุญมากตะเกียกตะกายออกมานอกรถได้และเดินกระเซอะกระเซิงอยู่บนถนน เลือดแดงฉานไปทั่วร่าง แล้วล้มเผละลงที่กลางถนน
วินาทีนั้น…บึม ม ม ม
รถระเบิดเสียงกึกก้อง บุญมากไม่ตายเพราะถูกไฟคลอกและแรงระเบิดของน้ำมันอย่างแน่นอน แต่เขาก็แน่นิ่งหมดลมอยู่กลางถนน ห่างจากรถของเขาเพียงสามสิบเมตรเท่านั้นเอง
รถที่สัญจรไปมาเห็นเข้าต่างก็จอดทันที และเข้ามาเพื่อช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นว่าบุญมากนั้นเสียชีวิตแล้วจึงวางลงที่เดิม พร้อมกับโทรแจ้งตำรวจตามระเบียบ
เดี๋ยวเดียวเท่านั้น…ไทยมุงก็เพิ่มขึ้น เพราะหมู่บ้านหัวหมอกอยู่ห่างไปเพียงห้าร้อยเมตรเท่านั้นเอง
ทว่า…กรรมการวัดหมื่นงาคำหลายคนมาถึงที่เกิดเหตุเร็วทันใจ ทั้งๆที่อยู่ห่างไปตั้งสามกิโลเมตร ชาวบ้านหัวหมอกนั้นโจษจันกันขรมเพราะรู้จักบุญมากเป็นอย่างดี และเห็นแผลที่ถูกยิงชัดเจน แต่กรรมการวัดสี่คนกลับปิดปากเงียบ รอเพียงตำรวจมาชันสูตรพลิกศพเท่านั้น

แฟนพันธุ์แท้ของ “สิงขร” ต้องไม่พลาดผลงานเรื่องเยี่ยม ที่ได้บรรจงสรรค์สร้างนิยายน้ำดี ซึ่งเกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ รับรองว่า...สนุกครบทุกรส จนคุณวางไม่ลงอย่างแน่นอนใน “แดน นรชน ตอนปราบมาเฟียหมื่นงาคำ”เล่ม ๑ ซึ่งเป็นอีกภาคหนึ่งของ มือปราบสิบแผ่นดิน ที่โด่งดังเป็นที่ชื่นชอบ ครองใจท่านผู้อ่านมาแล้วครับ
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
05 พฤษภาคม 2560
ความยาว
260 หน้า (≈ 44,813 คำ)
ราคาปก
200 บาท (ประหยัด 35%)
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถล็อกอินเพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า