Icon Close

แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน กวาดล้างขยะสังคม เล่ม ๓ (จบ)

แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน กวาดล้างขยะสังคม เล่ม ๓ (จบ)
สำนักพิมพ์singkornbangkok
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
No Rating
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
24 เมษายน 2560
ความยาว
492 หน้า (≈ 91,192 คำ)
ราคาปก
200 บาท (ประหยัด 35%)
แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน กวาดล้างขยะสังคม เล่ม ๓ (จบ)
แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน กวาดล้างขยะสังคม เล่ม ๓ (จบ)
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
No Rating
แดน นรชน ตอน กวาดล้างขยะสังคม เล่ม ๓ (จบ)
โดย...สิงขร
พันตำรวจตรีแดน นรชน ได้รับมอบหมายจาก พลตำรวจโทสงคราม ยามอุทิศ อดีตมือปราบสิบแผ่นดิน ให้เป็นหัวหน้าหน่วยปราบสิบหกแก๊งอิทธิพล เขากับลูกน้องในทีมงาน จึงลุยจับดะ-ฉะแหลก ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม หากกระทำผิดแล้วละก็...แดน นรชน กัดไม่ปล่อยอย่างแน่นอน เขาตะลุยปราบไปทั้งสิบทิศ สมกับเป็นลูกน้องก้นกุฏิของ สงคราม ยามอุทิศ มือปราบสิบแผ่นดิน ที่คนชั่วได้ยินชื่อแล้วต้องครั่นคร้าม
แดน นรชน จะต้องพบเจอเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ นานา ของผู้ที่จ้องกระทำความผิดอย่างไร
แดน นรชน จะปราบอะไรบ้าง และเขาจะทำได้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายหรือไม่
แดน นรชน มีวิธีการใด ในการปราบปรามเหล่าร้ายที่บ่อนทำลายประเทศชาติติดตาม และเป็นกำลังใจให้กับ แดน นรชน ผู้มีฉายาว่า มือปราบสิบทิศ โดยมีสโลแกนว่า...
“หลับเถิดประชา ข้าจะคุ้มภัย”
ตัวอย่างบางตอน
เงาดำราวยี่สิบเงาเคลื่อนผ่านป่าละเมาะ โดยแต่ละเงาเดินกลางคืนราวปีศาจไม่ใช้ไฟฉายส่องทางกันเลย ไม่ชนต้นไม้หรือแง่งหินใดๆทั้งสิ้น แต่ละเงาอยู่ในชุดพร้อมรบเครื่องหลังพร้อม ปืนพร้อม
พ.ต.ต.แดน ร.ต.ต.หญิงอินทิรา จ.ส.ต.นภาและลูกทีมทั้งยี่สิบนายนั่นเองที่เดินตัดป่าละเมาะ เพื่อพบกับ”ค้างคาว” คือ…พลฯเด่น กับพลฯเอกพจน์ ซึ่งเกาะติดรถจีเอ็มซี.ทหารสี่คันที่มาจอดเงียบอยู่ข้างๆบึงพระรามแห่งนี้ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินใหม่ๆแล้วอย่างน่าสงสัยที่สุด
เด่นกับสุพจน์รอจนกระทั่งแดนและทุกคนมาถึงจึงพูดทางวิทยุแผ่วเบา แต่ได้ยินกันชัดเจน…
“ผมกับสุพจน์อยู่นี่ครับหัวหน้า”
แดนและทุกคนหยุดเดิน สายตามองผ่านแว่นตาอินฟราเรด…
“สามชั่วโมงแล้วยังไม่มีทหารลงจากรถแม้คนเดียวงั้นเหรอเด่น สุพจน์” แดนถาม
“ครับหัวหน้า”
สุพจน์เสริม…”แม้แต่จะพูดกันสักคำก็ไม่ได้ยินครับหัวหน้า”
“ต้องเป็นภารกิจสำคัญอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว ลว.มีมั้ย” แดนถาม
ลว. คือหน่วยลาดตะเวน
“ไม่มี”
ค้างคาวตอบพร้อมกัน
“โจทย์ในเวลานี้ก็คือ…ทหารสี่คันรถมารอพญานาคขึ้นจากบึงพระราม แล้วจะช่วยกันจับไปต้มยำที่ค่ายในวันพรุ่งนี้เช้า นี่คือโจทย์ที่ยังไม่ได้เกลาหรือยังไม่ได้ชำแหละ ใครเห็นเป็นอย่างไรช่วยเกลาหน่อยซิ” แดนตั้งโจทย์
“นานๆหัวหน้าพูดเล่นสักครั้งก็ดูตลกดีนะครับ”จ่าภาว่า
“พูดจริง ไม่เชื่อคอยดูก็แล้วกัน เดี๋ยวจะต้องมีพญานาคขึ้นมาจากน้ำไม่เช่นนั้นทหารพวกนี้จะมารออะไรที่ริมบึงแห่งนี้” แดนเลยลุยตาม
อินทิราค้อนขวับๆในความมืด...”บ้ากันไปใหญ่แล้ว”
“แล้วคุณว่ายังไงล่ะอินทิรา”
“ฉันไม่ได้มีญาณทิพย์ที่จะหยั่งรู้ได้นี่คะ” เธอย้อน
“ผมบอกให้ช่วยกันเดาและตั้งสมมุติฐาน จะได้เกิดปัญญาและความคิด แล้วหาทางรับมือ”
“งั้นฉันเดาว่าจะต้องส่งมอบยาเสพติดกันที่นี่ หรือก็ไม้สักทองแปรรูป” อินทิราคาดเดา
“จ่าล่ะ” แดนหันไปถามมือขวา
“ผมก็คิดแบบหมวดอินนะแหละ คาดว่าเดี๋ยวจะต้องมีรถของขบวนการค้ายาบ้าแล่นมาจอดที่นี่ หรือไม่ก็เป็นรถที่บรรทุกไม้สักทองแปรรูปจากนอกประเทศมาส่งมอบกันที่ริมบึงแห่งนี้”
จ่านภาคาดเดา
“อืมม…อาจเป็นไปได้”เขาว่า
“แล้วที่คุณว่าจะมีพญานาคโผล่ขึ้นมาจากบึงให้จับล่ะ เอาสมุฏฐานมาจากไหน หรือพูดพล่อยๆไปงั้นเอง”นายตำรวจหญิงถามหัวหน้าชุดจริงจัง
“พูดจากความรู้สึกลึกๆ ไม่ได้พูดพล่อยๆนะครับคุณ”
“ในโลกนี่มีพญานาคงั้นเหรอ” อินทิราถาม
“ไม่มี”
“แล้วคุณพูดทำไม”เธอบี้หนัก
“ก็มันอยากพูดนี่ครับ คุณอย่าลืมนะอินทิรา…ตามหลักของยุทธวิธีต้องมีสมุฏฐานของฝ่ายเรากับฝ่ายตรงข้ามว่าจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ส่วนจะถูกหรือไม่นั้นอยู่ที่กึ๋นของคนๆนั้นจะวินิจฉัยไปในทิศทางใด” แดนว่า
“หัวหน้า ทหารลงจากรถแล้ว” เด่นบอกเสียงแผ่ว แต่ได้ยินกันชัดเจนทุกนาย เพราะเสียบหูฟังไว้ที่หูซ้าย
สายตาของหน่วยปราบสิบห้าอันตรายเพ่งมองไปยังทหารที่ลงจากรถจีเอ็มซี.ซึ่งห่างไปราวๆสี่สิบเมตรเท่านั้นเอง นับได้จำนวนทั้งสิ้นสี่สิบนาย โดยที่มีอาวุธปืนอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับมือเปล่า
แดน นรชนและลูกทีมต่างก็จ้องมองเขม็งผ่านไนท์วิชั่น ซึ่งเห็นราวกับกลางวันเลยทีเดียว
ทหารที่ถือปืนต่างก็รีบตรวจตรารอบๆบึง ซึ่งกว้างราวๆสามไร่ แต่ทหารที่ถือปืนจะไปออกันที่ถนนลูกรังที่เข้ามาสู่บึง ยังมีทหารที่เฝ้าบึงอีกหกนายออกมาสมทบ
“นี่แสดงว่าขบวนการยาเสพติดกำลังเดินทางมาใกล้จะถึงจุดส่งของแล้ว ทหารพวกนี้ถึงได้
เคลื่อนไหว” จ่านภาว่า
“ทหารพวกนี้ร่วมกับขบวนการค้ายาเสพติดวางแผนเบี่ยงเบนความสนใจไปที่ถนนทรงธรรม ด่านทรงเมืองและลานหน้าวัดเมืองมูล จุดส่งมอบยาบ้า แต่แอบลักไก่มาส่งของกันที่ริมบึงพระรามแห่งนี้ ลึกล้ำจริงๆ” นายตำรวจหญิงพึมพำ
“แต่ผมขอยืนยันคำพูดเดิม” แดนว่า
“พญานาคจะขึ้นมาจากบึงพระราม เพื่อให้ทหารจับไปต้มยำงั้นเหรอคะ”
นายตำรวจหญิงถาม
“ครับ” แดนกลับรับคำหนักแน่นอย่างเชื่อมั่น
“เลิกพูดบ้าๆ และวางสมมุติฐานบ๊องๆของคุณเสียที” อินทิราต่อว่า จนได้ยินกันทั่ว
“ผมขอสนับสนุนคำพูดของหมวดอินครับ” จ่านภาเอ่ยขึ้น
“จะบ้าจะบ๊องยังไงผมก็ขอยืนยันคำพูดเดิมครับว่าต้องมีพญานาคขึ้นมาจากบึง เป็นพญานาคสีทองด้วย เดี๋ยวทหารพวกนี้จะต้องจับไปแล่เนื้อย่างกินด้วย” แดน นรชนยืนยันหนักแน่นหน้าตายด้วย
“พญานาคของคุณนะสิ” อินทิราย้อนโดยไม่คิดอะไร
แดนรีบโต้…”ของผมไม่ถึงขั้นพญานาค เพียงแค่งูดินธรรมดาเท่านั้น”
พลันนั้น…เสียงคิกคักของลูกทีมดังขึ้น
อินทิราหยิกหมับเข้าที่ต้นขาแดน…”นี่พวกคุณคิดลึกพิเรนทร์ๆกันถึงเพียงนี้เชียวเรอะ เสียแรงเป็นหน่วยปราบที่ประชาชนรักใคร่ทั้งประเทศ”
“คุณต่างหากคิดลึกหมวดอินทิรา ใครไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย ที่พวกเราหัวเราะขำผมเพ้อเจ้อ ต่างหาก” แดนรีบชี้แจง
“รู้ตัวก็ดีแล้ว” เธอค้อนขวับๆ
ขณะนั้น…มีเสียงรถแล่นเข้ามา มีแสงไฟสาดส่องแต่ไกล
“พญาอินทรีย์จากค้างคาว รถเทเลอร์บรรทุกรถยกสะเทินน้ำสะเทินบกของทหารมาครับ” หน่วยข่าวที่เกาะติดทหารอยู่ที่ปากทางรีบรายงาน
“จากอินทรีย์ทราบ”
ขณะนั้น…รถบรรทุกสิบแปดล้อของทหาร บรรทุกรถยกสะเทินน้ำสะเทินบกมาถึงริมบึงพระราม ทหารทำการคุ้มกันแน่นหนา ทำการลาดตระเวนไม่ให้มีผู้ใดเล็ดลอดเข้าไปได้
แดน นรชนกับลูกทีมทั้งยี่สิบนายต้องหมอบกับพื้นใต้พุ่มไม้ตลอดเวลา เพราะไฟแรงสูงจาก
สปอร์ตไลต์สาดส่องตลอดเวลาเป็นวงกว้าง
ร.อ.เจตนา มือขวาของ พ.ท.อภิรักษ์ลงจากรถสั่งการด้วยตนเอง โดยมี ส.อ.แรม กับ ส.อ.โยธินคอยเป็น ทส.คอยช่วยอยู่ตลอดเวลา
“หัวหน้า…นี่มันรถยกที่อยู่ในน้ำได้นี่ครับ” นภากระซิบเสียงตื่นเต้น
“ก็ใช่นะสิ…เดี๋ยวจ่าคอยดูนะ มันจะลงไปในน้ำ แล้วยกพญานาคสีทองที่นอนตายอยู่ก้นบึงขึ้นมา เพื่อให้ทหารนำไปต้มยำกิน” แดน นรชน ยังพูดติดตลกเช่นเดิม
ทว่า…นายตำรวจหญิงและลูกทีมทุกนายไม่ตลกด้วย เมื่อเห็นรถยกสะเทินน้ำสะเทินบกเช่นนั้น เพราะยังเดาอะไรไม่ถูก ต่างก็หัวปั่นเหมือนๆกันหมด
จากนั้น…รถยกสะเทินน้ำสะเทินบกก็ลงจากรถบรรทุกสิบแปดล้อ ไม่มีรีรอใดๆทั้งสิ้นคลานไปที่ริมฝั่งบึงแล้วลงน้ำไปในที่สุด และลอยตัวอยู่ในน้ำ โดยมีไฟส่องเข้าบนบกและไฟจากรถยกเองสาดส่องสว่างไสวทั่วบึง
“นี่มันอะไรกัน” อินทิรานายตำรวจหญิงหลุดปากเบาๆ
และแล้ว…สิ่งที่ลูกทีมของแดน นรชนไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น เมื่อมนุษย์กบสองนายทิ้งตัวลง
น้ำไป ขณะเดียวกันรถยกสะเทินน้ำสะเทินบกหย่อนขอเกี่ยวลงไปในน้ำ แล้วยกสิ่งหนึ่งขึ้นมาจากน้ำซึ่งมัด
รวมกันเป็นอย่างดีแน่นหนา
“หา! ไม้สักทองแปรรูป!”
แฟนพันธุ์แท้ของ “สิงขร” ต้องไม่พลาดผลงานเรื่องเยี่ยม ที่ได้บรรจงสรรค์สร้างนิยายน้ำดี ซึ่งเกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ รับรองว่า...สนุกครบทุกรส จนคุณวางไม่ลงอย่างแน่นอนใน “แดน นรชน ตอนกวาดล้างขยะสังคม” ซึ่งเป็นอีกภาคหนึ่งของมือปราบสิบแผ่นดิน ที่โด่งดังและเป็นที่ชื่นชอบของท่านผู้อ่านมาแล้วครับ
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
24 เมษายน 2560
ความยาว
492 หน้า (≈ 91,192 คำ)
ราคาปก
200 บาท (ประหยัด 35%)
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถล็อกอินเพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า