Icon Close

แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน กวาดล้างขยะสังคม เล่ม ๑

แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน กวาดล้างขยะสังคม เล่ม ๑
สำนักพิมพ์singkornbangkok
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
No Rating
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
13 เมษายน 2560
ความยาว
383 หน้า (≈ 71,695 คำ)
ราคาปก
200 บาท (ประหยัด 35%)
แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน กวาดล้างขยะสังคม เล่ม ๑
แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน กวาดล้างขยะสังคม เล่ม ๑
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
No Rating
แดน นรชน ตอน กวาดล้างขยะสังคม เล่ม๑ โดย...สิงขร
พันตำรวจตรีแดน นรชน ได้รับมอบหมายจาก พลตำรวจโทสงคราม ยามอุทิศ อดีตมือปราบสิบแผ่นดิน ให้เป็นหัวหน้าหน่วยปราบสิบหกแก๊งอิทธิพล เขากับลูกน้องในทีมงาน จึงลุยจับดะ-ฉะแหลก ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม หากกระทำผิดแล้วละก็...แดน นรชน กัดไม่ปล่อยอย่างแน่นอน เขาตะลุยปราบไปทั้งสิบทิศ สมกับเป็นลูกน้องก้นกุฏิของ สงคราม ยามอุทิศ มือปราบสิบแผ่นดิน ที่คนชั่วได้ยินชื่อแล้วต้องครั่นคร้าม
แดน นรชน จะต้องพบเจอเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ นานา ของผู้ที่จ้องกระทำความผิดอย่างไร
แดน นรชน จะปราบอะไรบ้าง และเขาจะทำได้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายหรือไม่
แดน นรชน มีวิธีการใด ในการปราบปรามเหล่าร้ายที่บ่อนทำลายประเทศชาติติดตาม และเป็นกำลังใจให้กับ แดน นรชน ผู้มีฉายาว่า มือปราบสิบทิศ โดยมีสโลแกนว่า...
“หลับเถิดประชา ข้าจะคุ้มภัย”
ตัวอย่างบางตอน
ตะวันกำลังจะลับเหลี่ยมดอยลอซูเบื้องหน้า และจากนั้นอีกไม่นานนักบริเวณด่านกักสัตว์แม่สอยก็จะมืดสลัวมัวซัว ซึ่งเวลานี้มีวัวจากพม่า และบังกลาเทศถูกกักอยู่ที่นี่รวมทั้งสิ้นถึงแปดสิบตัวด้วยกัน แต่ละตัวต้องกักไว้ถึงสิบสี่วัน
เหตุที่ต้องกักไว้ที่นี่ก็เพื่อปศุสัตว์ประจำด่าน “สารวัตรปศุสัตว์” จะเฝ้าระวังดูโรคที่จะติดมากับวัวนอกประเทศเหล่านี้ ขณะเดียวกันก็ทำการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคปากเปื่อย-เท้าเปื่อย ซึ่งเป็นโรคระบาดที่อันตรายมาก
วัวทั้งแปดสิบตัวเหล่านี้จะผ่านพิธีการทางศุลกากรกี่ตัวนั้นไม่มีใครทราบได้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าของวัวและกลุ่มผู้มีอิทธิพลในท้องที่ที่เกี่ยวข้อง…
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ส่วนตนและกลุ่มแทบทั้งสิ้น!
ส่วนผลประโยชน์ของบ้านเมืองนั้นไม่มีใครพูดถึง!
ด้านหลังของสำนักงานด่านกักสัตว์ ปรากฏว่าสัตวแพทย์ฉลาดหัวหน้าด่านกักสัตว์ นั่งดื่มไวน์แดงจากฝรั่งเศสขวดพันกว่ากับนายอาทิตย์ หัวหน้าด่านศุลกากรแม่สอย ที่ทำการด่านห่างไปราวๆสามร้อยเมตร และกำนันศรีรัตน์กำนันตำบลนาดง ส่วนกับแกล้มนั้นเป็นปลาบึกผัดฉ่า นกกระจอกเทศผัดพริกไทยดำ และผัดเผ็ดหมูป่า
ทั้งสามนั้นเสพสุราฮะกึ้นกันอย่างลืมโลก ไวน์ราคาแพงหมดไปสองขวดแล้ว โดยพูดจาเสียงดัง เพราะที่นี่คืออาณาจักรเงิน-อาณาจักรทองของพวกเขา
ที่แท้…วัวนอกทั้งแปดสิบตัวเป็นวัวของกำนันศรีรัตน์นั่นเอง ส่วนจะผ่านพิธีทางศุลกากร”เสียภาษีขาเข้า”สักกี่ตัวนั้นนายอาทิตย์ นายด่านศุลกากรแม่สอยรู้ดีเช่นเดียวกับกำนันศรีรัตน์
ส่วนวัวทั้งแปดสิบตัวนั้น จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากเปื่อย-เท้าเปื่อยกี่ตัวหรือจะกักเฝ้าดูโรคครบสิบสี่วันตามระเบียบหรือไม่นั้น สัตวแพทย์ฉลาดรู้ดีเช่นกัน
“หมอ นายด่าน เดี๋ยวหมดไวน์ขวดนี้เราไปตีรัมมี่กัน เล่นหนักๆหน่อยร้อยสองร้อยสามร้อยมันดี โอเคนะครับ” กำนันศรีรัตน์ซึ่งมึนไวน์ได้ที่แล้วชักชวน
“ได้เลยกำนัน ว่าแต่เล่นที่ไหนดีล่ะ”
สัตวแพทย์ฉลาดถามเสียงอ้อแอ้
“ที่ด่านของผมมั้ย มีอาหารการกินบริการเพียบก็แล้วกัน”
นายอาทิตย์นายด่านศุลกากรเสนอขึ้น
“โอเคครับนายด่าน”
ทั้งกำนันศรีรัตน์ และสัตวแพทย์ฉลาดรับเป็นเสียงเดียวกัน กลับต้องสะดุ้งเฮือก
ปังๆๆๆๆ…ปังๆๆๆๆ…ปังๆๆๆๆ
“โบ้ว ว ว ว ว”
“เฮ้ยใครยิงวัว” หมอฉลาดโพล่งเสียงดังลั่น
“หมอ นายด่านหมอบลง”กำนันศรีรัตน์ซึ่งเป็นทหารเก่าสั่งการลั่น
คนทั้งสามจึงทิ้งตัวลงหมอบกับพื้นใกล้ๆโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว
ปังๆๆๆๆ…ปังๆๆๆๆ…ปังๆๆๆๆ
“โบ้ว ว ว ว”
เสียงปืนยิงเร็วดังขึ้นอีกหลายชุด เสียงวัวร้องลั่นอย่างตกใจ และแตกตื่นดังลั่นอยู่ในคอกกักสัตว์
โครม ม ม ม
ในที่สุดมันก็วิ่งชนคอกจนพังสะบั้น แล้วแหกคอกออกมาด้วยอาการตกใจเสียงปืน ไฟนีออนจากเสาที่ส่องบริเวณคอกวัวถึงสามดวงถูกยิงดับหมด ทำให้บริเวณคอกวัวมืดสนิทมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
เสียงวัววิ่งแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง เสียงปืนก็ยังดังอยู่เป็นระยะๆเพื่อส่งให้วัววิ่งไกลออกไป
เป็งกับแจ่ม สมุนของกำนันศรีรัตน์ซึ่งถูกสั่งให้ไปทำธุระที่บริเวณตลาดแม่สอยขับรถเข้ามาในด่านพอดี ไฟหน้ารถสาดส่องเห็นวัวแตกตื่นจากคอก และเสียงปืนดังลั่น จึงขับรถพุ่งตรงมาหาลูกพี่ แล้วจอดพรืดดับเครื่อง พร้อมทั้งคว้าลูกซองห้านัดคนละกระบอกกระโจนลิ่วเข้ามาหากำนันศรีรัตน์ พร้อมกับถามเสียงรัวเร็วปรื๋อ…
“มีคนปล้นวัวหรือพี่กำนัน”
“กูไม่รู้ มึงสองคนไปดูเร็ว ถ้าใช่ยิ่งกบาลแม่งเลย”
เป็งกับแจ่ม กระโจนพรวดไปทางคอกวัว แต่ด้วยความมืดจึงมองไม่เห็นอะไรและไม่กล้าฉายไฟส่องกลัวจะโดนยิงเข้าให้ แต่ก็เห็นการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามจนได้ ทั้งสองจึงยิง
เข้าใส่ทันที
ตูม…ตูม
กระสุนลูกซองประจัญบานของสมุนกำนันศรีรัตน์ทั้งสอง ไม่สามารถทำอะไรฝ่ายตรงกันข้าม
ได้ เพราะยิงแบบเหวี่ยงแหซึ่งมืดสนิทมองไม่เห็นอะไร ทั้งสองจึงรีบกระชากลางเลื่อนใต้ตัวปืน เพื่อป้อนกระสุนเข้ารังเพลิง แล้วยิงไปยังจุดเดิมอีกคนละนัด
ตูม ตูม
เสียงลูกซองระเบิดขึ้น ยิ่งทำให้วัวในคอกกักสัตว์แตกตื่นหนักเข้าไปอีกจนแทบจะไม่เหลืออยู่ในคอก
แต่ทว่า…เสียงปืนยิงเร็วของผู้อยู่ในเงามือกลับเงียบไปครู่ใหญ่ๆแล้ว ไม่มีให้ได้ยินอีกต่อไป
กำนันศรีรัตน์ตามมาสมทบโดยถือปืน.11มม.คู่ชีพพร้อมกับถามแข่งกับเสียงวิ่งคึกๆของวัว…
“เห็นตัวพวกมันมั้ยวะ”
“ไม่เห็นเลยพี่กำนัน”
เป็งกับแจ่มบอกเป็นเสียงเดียว
“แล้วมึงสองคนยิงอะไร”
“เราสองคนเห็นเพียงเงาวูบวาบจึงยิงไว้ก่อน แต่เห็นตัวไม่ถนัดเพราะมันมืดมาก” เป็งรายงาน
“ไอ้เหี้ยตัวไหนทำกับกูถึงขนาดนี้วะ” กำนันแห่งนาดงเดือดดาลยิ่ง
“เอายังไงดีครับพี่กำนัน” แจ่มถามเสียงรัวเร็ว
“มึงสองคนใช้ไฟฉายส่องดู เคลียร์ให้หมดๆ นำวัวกลับเข้าคอกอย่างเดิมกูจะไปแจ้งความที่โรงพัก”
“ครับพี่กำนัน”
ทั้งสองรับคำเป็นเสียงเดียวกันอีกครั้ง
จากนั้นกำนันศรีรัตน์รีบย้อนกลับมาที่อาคารด่าน สัตวแพทย์ฉลาดกับนายด่านอาทิตย์หน้าซีด ปากคอสั่น ถามเป็นเสียงเดียวกัน…
“ได้ตัวมั้ยกำนัน”
“มันหนีไปแล้ว วัวแหกคอกออกไปเกือบหมด ผมให้ไอ้เป็งกับไอ้แจ่มเคลียร์พื้นที่ ต้อนวัวเข้าคอกแล้ว ส่วนผมจะไปแจ้งความ หมอกับนายด่านไปกับผมด้วยนะ”
“ไปสิกำนัน”
จากนั้นทั้งสามก็เผ่นขึ้นรถปิกอัพสองตอนของกำนันศรีรัตน์ แล้วบึ่งไปที่โรงพักแม่สอยห่างจากด่านกักสัตว์ราวๆสามกิโลเมตร โดยที่กำนันศรีรัตน์โทรล่วงหน้าถึงร้อยเวร เมื่อมาถึงโรงพักผลุบเข้าห้องร้อยเวรปรากฎว่า…
พ.ต.อ.โสรจ ผู้กำกับการโรงพักแม่สอย พ.ต.ท.เอี่ยม รองผู้กำกับฝ่าย ป. และ พ.ต.ท.นคร สวป.รอกำนันคนดังอยู่แล้ว!
เมื่อไหว้กันตามธรรมเนียมเสร็จแล้ว ผู้กำกับเชื้อเชิญให้กำนัน สัตวแพทย์ และนายด่านศุลกากรนั่ง คำถามแรกที่ผู้กำกับยิงเข้าใส่…
“กำนัน…คนร้ายปล้นวัว หรือแค่ยิงขู่เท่านั้น”
“ยังไม่ทราบแน่ชัดครับผู้กำกับ เพราะมันยิงปืนหลายชุด ยิงหลอดไฟดับหมด วัวของผมตื่นแหกคอกออกไปเกือบหมดที่กักสัตว์ ตอนนี้ลูกน้องผมกำลังเข้าเคลียร์ที่เกิดเหตุ ส่วนผมพร้อมนายด่าน และหมอฉลาดรีบมาแจ้งความครับ”
“งั้น สวป.นครนำกำลังไปที่เกิดเหตุเร็ว” ผู้กำกับหันไปสั่งการ
“ครับผู้กำกับ”
พ.ต.ท.นคร สวป. รีบเผ่นออกจากห้องสอบสวน และนำกำลังตำรวจสิบนายซึ่งเรียกระดมพลมาหยกๆ บึ่งไปที่เกิดเหตุในทันที
“วัวทั้งหมดกี่ตัวกำนัน” พ.ต.ท.เอี่ยม รองผู้กำกับฝ่าย ป.ถามขึ้น
“แปดสิบตัวครับรอง”
“ตอนนี้ยังไม่รู้ใช่มั้ยว่าถูกปล้นไปกี่ตัว หรือเพียงแต่ยิงขู่เท่านั้น”
“ใช่ครับรอง ผมรีบมาแจ้งความเสียก่อน เดี๋ยวลูกน้องผมคงรายงานให้ทราบ หรือไม่ สวป.นครไปถึงที่เกิดเหตุก็คงรายงานมาครับ” กำนันศรีรัตน์บอก
ติ๊ดๆๆๆๆ
มือถือของกำนันศรีรัตน์ดังขึ้นทันใจ เขาคว้าขึ้นมาดูที่หน้าปัทม์ พร้อมทั้งกดปุ่มถามลงไป…
“ว่าไงแจ่ม”
“พี่กำนัน วัววิ่งหนีไปทุกทิศทุกทาง เหลืออยู่ในคอกเพียงแปดตัวเท่านั้น พบปลอกกระสุนเอ็มสิบหกหลายสิบปลอก ผมกับไอ้เป็งไม่สามารถจะตามวัวไปได้เพราะมันมืดมากและไม่
ทราบว่าวัวไปไหนบ้าง”
“บ่ะ วัวตั้งเจ็ดสิบกว่าตัว มึงสองคนตามไม่พบสักตัวเลยหรือวะ”
“ไม่พบจริงๆครับ เพราะมันวิ่งเตลิดด้วยความตกใจไปในความมืดที่เป็นป่าละเมาะหลังด่าน ต้องระดมคนออกติดตามหลายๆคนครับ”
“มึงก็ไปที่บ้านกูซี้ บอกให้พวกที่ว่างช่วยตามวัวด้วย”
“ครับ ผมจะไปที่บ้านพี่กำนันเดี๋ยวนี้แหละ”
“เฮ้ยแจ่ม มึงบอกไอ้เป็งรอพบ สวป.นครด้วย กำลังไปที่เกิดเหตุแล้วพร้อมตำรวจหลายนาย มีอะไรประสาน สวป.ได้เลย เดี๋ยวกูแจ้งความเสร็จจะกลับไปที่ด่าน เพื่อดูให้ชัดว่ามันเป็นใครกันแน่ที่ทำกู ทำทำไมด้วย เท่านี้ก่อนโว้ย”
“ครับพี่กำนัน”

แฟนพันธุ์แท้ของ “สิงขร” ต้องไม่พลาดผลงานเรื่องเยี่ยม ที่ได้บรรจงสรรค์สร้างนิยายน้ำดี ซึ่งเกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ รับรองว่า...สนุกครบทุกรส จนคุณวางไม่ลงอย่างแน่นอนใน “แดน นรชน ตอนกวาดล้างขยะสังคม” ซึ่งเป็นอีกภาคหนึ่งของมือปราบสิบแผ่นดิน ที่โด่งดังและเป็นที่ชื่นชอบของท่านผู้อ่านมาแล้วครับ
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
13 เมษายน 2560
ความยาว
383 หน้า (≈ 71,695 คำ)
ราคาปก
200 บาท (ประหยัด 35%)
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถล็อกอินเพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า