Icon Close

แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน มหันตภัยชายแดน เล่ม ๒ (จบ)

แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน มหันตภัยชายแดน เล่ม ๒ (จบ)
สำนักพิมพ์singkornbangkok
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
2 Rating
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
22 สิงหาคม 2559
ความยาว
626 หน้า (≈ 86,210 คำ)
ราคาปก
250 บาท (ประหยัด 48%)
แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน มหันตภัยชายแดน เล่ม ๒ (จบ)
แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอน มหันตภัยชายแดน เล่ม ๒ (จบ)
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
2 Rating
พันตำรวจตรีแดน นรชน ได้รับมอบหมายจาก พลตำรวจโทสงคราม ยามอุทิศ อดีตมือปราบสิบแผ่นดิน ให้เป็นหัวหน้าหน่วยปราบสิบห้าท้านรก เขากับลูกน้องในทีมงาน จึงลุยจับดะ-ฉะแหลก ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม หากกระทำผิดแล้วละก็... แดน นรชน กัดไม่ปล่อยอย่างแน่นอน เขาตะลุยปราบไปทั้งสิบทิศ สมกับเป็นลูกน้องก้นกุฏิของ สงคราม ยามอุทิศ มือปราบสิบแผ่นดิน ที่คนชั่วได้ยินชื่อแล้วต้องครั่นคร้าม
แดน นรชน กับทีมงานซึ่งลุยมหันตภัยชายแดน จะต้องพบเจอเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ นานา ของผู้ที่จ้องกระทำความผิดอย่างไรบ้าง
แดน นรชน จะปราบอะไรบ้าง และเขาจะทำได้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายหรือไม่
แดน นรชน มีวิธีการใด ในการปราบปรามเหล่าร้ายที่บ่อนทำลายประเทศชาติติดตาม และเป็นกำลังใจให้กับ แดน นรชน ผู้มีฉายาว่า มือปราบสิบทิศ โดยมีสโลแกนว่า...
“หลับเถิดประชา ข้าจะคุ้มภัย”
หมาทางทั้งสองลุกพรวดพราดในความมืด คว้าไฟฉายส่องไปที่เครื่องรับส่งวิทยุสนามสีเขียวรูปร่างแปลกๆข้างๆตัว คล้ายเครื่องรับ-ส่งวิทยุ FM ONE ของตำรวจสมัยก่อน แล้วนำขึ้นมากรอกเสียงลงไปเป็นภาษานอกประเทศได้ยินไปไกลเพราะค่อนรุ่งที่เงียบสงัด แล้วก็มีเสียงตอบมาเป็นภาษาเดียวกัน ตอบโต้กันอยู่หลายประโยค
แดนกับนภาเซ่อไปเลยกับภาษานอกประเทศ แต่ทั้งสองก็จำต้องทนให้พูดตอบโต้กันจบประโยค สงสัยสุดขีดในคำพูดโต้ตอบเหล่านั้น แต่ก็ยังเงียบงันไม่ปลิดชีพมันทั้งสองแต่อย่างใด
หมาทางทั้งสองพูดโต้ตอบวิทยุโบราณนั้นเสร็จ รีบขึ้นไปอยู่บนห้างสูงสองเมตรกว่าๆนั้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฉายไฟส่องกราดไปทั่วบริเวณนั้น
แดนกับนภานั้นเข้าที่กำบังหลังจอมปลวก เก็บมีดเข้าฝักเสีย ปล่อยให้ชีวิตของหมาทางทั้งสองดำเนินต่อไป โดยที่แดนใช้สมองอย่างหนัก และก่อนที่จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งอีกครั้ง สัญชัยเรียกขานเสียงแผ่วเข้าที่หูซ้ายของแดนกับนภา…
“หัวหน้า พี่จ่า…อ่องทุนจะแปลให้ฟัง”
“ว่ามาเลย”
แดนกับนภารีบบอกเป็นเสียงกระซิบ
“สารวัตร…ทางโรงงานบีแจ้งมาว่า คาราวานจำนวนยี่สิบคนกำลังจะออกจากโรงงานบี มีทหารคุ้มกันมาด้วยหนึ่งหมวด หมาทางมันรายงานไปว่าเส้นทางนี้ปลอดภัยให้มาได้ คาราวานทั้งหมดจะต้องไปถึงชายแดนก่อนสว่าง เพื่อพักของไว้แล้วจึงจะกลับ ให้หมาทางตรวจตราดูให้ละเอียด”
“โรงงานห่างจากที่นี่เท่าไหร่” แดนถามเสียงแผ่ว
“ราวๆสองกิโลเมตรครับ” อ่องทุนบอก
“งั้นฟังคำสั่ง ปล่อยให้กองคาราวานผ่านไป เราจะไม่แตะต้องในช่วงนี้แต่ให้หนึ่งกับสัญชัยเกาะติดมันไปอย่าให้คลาดสายตา รายงานผมทุกระยะ ส่วนหมาทางสองตัวนี้เราต้องเก็บแล้วรีบเข้าสู่โรงงานเพื่อปฏิบัติการตามแผนต่อไป”
“ครับหัวหน้า”
หนึ่งกมลกับสัญชัยรับคำสั่งพร้อมๆกัน
“ชาตรีได้ยินเสียงอ่องทุนมั้ย” แดนถามไปยังผู้ควบคุมทีมบีแทนตนเอง ทางวิทยุไฮเทคเสียงแผ่วเบา
“ได้ยินชัดเจนครับ”
“คุณกับลูกทีมอยู่ห่างโรงงานบีเท่าไหร่”
“ราวๆแปดสิบเมตรครับหัวหน้า กำลังส่วนนี้พร้อมที่จะโจมตีโรงงานในทันที”
“เห็นกองคาราวานที่จะออกจากโรงงานบีหรือยัง”
“ไม่เห็นนะหัวหน้า” ส.ต.อ.ชาตรีซึ่งคุมกำลังเข้าประชิดโรงงานบีรายงานกลับมาในทันที
“แว่นอินฟาเรดมีปัญหาหรือเปล่า”
“ไม่มีนะหัวหน้า ผมกับลูกทีมทั้งหมดสิบห้าคน ล้อมโรงงานเป็นรูปตัวยูตามยุทธิวิธีและตามแผนการณ์อยู่ไม่มีจุดอับสายตาเลย แล้วก็ไม่มีใครเห็นกองคาราวานตามที่อ่องทุนแปล มีแต่ทหารยามตรวจตรารอบๆโรงงานสี่คนเท่านั้นครับ นอกนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น” ชาตรียืนยัน
“บ่ะ หน่วยคาราวานตั้งยี่สิบคน หน่วยคุ้มกันอีกก็ร่วมตั้งหนึ่งหมวด อย่างน้อยก็ยี่สิบคน ทำไมไม่เห็น หรือรอบๆโรงงานเป็นป่ารกทึบ”
“ก็รกบ้าง แต่ก็ไม่รกจนเกินไป มันน่าจะเห็นนะหัวหน้า คนตั้งสามสี่สิบคน ถ้าเป็นคนแคระว่าไปอย่าง แต่มันก็ต้องเห็นการเคลื่อนไหวอยู่ดีแม้จะคลานไปก็ตามที และผมไม่เคยเห็นกองคาราวานคลานนะครับ ว่าแต่อ่องทุนมันแปลได้เรื่องหรือเปล่าเท่านั้น” ชาตรีแย้งมา
“มีสองอย่างถ้าอ่องทุนไม่แปลมั่ว ทางโรงงานก็ส่งข่าวมั่ว” จ่านภาว่า
แดน นรชนสมองหมุนติ้วอีกครั้ง รีบตัดบท…”เอาละๆทุกคนนิ่งรอดูต่อไป เดี๋ยวก็รู้ว่าใครมั่วกันแน่”
จากนั้นต่างก็นิ่งงันรอดูต่อไป อะไรเท็จอะไรจริงจะปรากฏให้เห็นในไม่ช้า ส่วนหมาทางทั้งสองก็ยังคงฉายไฟส่องกราดต่อไป นับเป็นยามรายทางที่แปลกเอาการอยู่เหมือนกัน เพราะทำหน้าที่คล้ายประภาคารฉายไฟให้รู้ตำแหน่งบนบกแก่เรือเดินสมุทร
และแล้ว…ครึ่งชั่วโมงต่อมา คำแปลของอ่องทุนไม่เพี้ยนแม้แต่น้อย ไฟฉายหลายดวงก็ส่องวูบวาบมาตามทางข้างหน้า หมาทางส่องตอบอันเป็นสัญญาณปลอดภัย จากนั้นทหารชุดเขียวจำนวนทั้งสิ้นสามสิบนายก็เดินมาตามทาง ทุกนายสะพายอาก้าแทบทั้งสิ้น มีเสียงคุยกันเบาๆ สูบบุหรี่ไฟวาบๆหลายคน
จากนั้นคาราวานทั้งสิ้นจำนวนยี่สิบคน ซึ่งสะพายเป้หลังหนักอึ้งร่วมสามสิบกิโลกรัมก็เดินแถวเรียงเดี่ยวตามทหารป่าที่นำทางมา
หมาทางส่องไฟจี้เช็คจำนวนคาราวานทีละคนตามระเบียบ กระทั่งครบจำนวนตามที่โรงงานบีแจ้งมา
หนึ่งกมลกับสัญชัยเตรียมตัวเกาะติดตามคำสั่งของแดน พอท้ายขบวนผ่านไปเห็นหลังไวๆจากแว่นวิเศษ ทั้งสองก็เริ่มเคลื่อนตัวตาม
“ระมัดระวังอย่าให้พวกมันรู้ตัว ต้องหูไวตาไวนะ เพราะเราได้เปรียบพวกมันอยู่แล้วเรื่องเห็นกลางคืนดุจกลางวันนะ” แดนเตือนลูกทีมทั้งสองเป็นเสียงกระซิบ
“ครับหัวหน้า”
ลูกทีมทั้งสองรับเป็นเสียงเดียวกัน
แดนขยับเข้าประชิดใต้โคนต้นไม้ที่หมาทางทั้งสองขัดห้างอยู่ยาม นภาตามติดโดยทั้งสองกระชากมีดปลายแหลมออกมาเป็นคำรบสอง เพื่อรอเสียบหมาทางซึ่งกำลังจะลงมา
อ่องทุนขยับตาม แม้จะไม่มีแว่นตาอินฟาเรดแต่ก็พอจะชินกับความมืดเห็นอะไรๆชัดเจนถึงหนึ่งในสามส่วนแล้ว
หมาทางทั้งสองกำลังจะขยับลงจากห้างต้องสะดุ้งสุดตัวต่อเสียงเสียงนั้น…
ติ๊ดๆๆๆๆๆ
มันคนที่ถือวิทยุรับ-ส่งโบราณรีบกดแล้วกรอกเสียงลงไป
อ่องทุนขยับเข้ามาประชิดด้านหลังแดน กระซิบกระซาบแปลคำต่อคำเลยทีเดียว…
“โรงงานมีอะไรว่ามา”
“คาราวานผ่านไปแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ ครบจำนวนตามนั้น”
“โรงงานจะปิดปล่องแมงจอนแล้วนะ ถ้าหมาทางกลับในตอนเช้าอย่าเข้าทางปล่องแมงจอนนะ ให้เข้าทาง
ปล่องคน”
“ทราบ เตรียมเหล้าให้ขวดนะ ไก่ต้มเกลือตัวหนึ่ง หิวฉิบหาย”
“ลูกปืนไม่แดกบ้างเรอะไอ้ห่ายัด”
จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็หัวเราะต่อกันในยามใกล้รุ่งสาง เมื่อเก็บวิทยุโบราณเข้าเป้หลังเสร็จ หมาทางหรือยามรายทางก็ลงจากห้าง พอคนแรกเหยียบพื้นดินเท่านั้น แดนดึงแขนซ้ายของมันเข้ามา แล้วเสียบด้วยมีดปลายแหลมสุดแรงเกิด…
สวบ
“อ๊าก ก ก” มันร้องลั่นเมื่อปลายมีดจิ้มเข้าที่หัวใจ
แดนใช้เท้าซ้ายถีบสุดแรงพร้อมกับดึงมีดออก มันหงายหลังผลึ่งดังอั๊ก ดิ้นปั๊ดๆ วิญญาณโบยบินไปเมืองผีทันที
นภาไม่รอให้อีกคนเท้าแตะพื้น ขยับเข้าไปสอยด้วยมีดปลายแหลมเข้าที่ลิ้นปี่ของมันคนที่สองซึ่งทิ้งตัวลงมาจากห้างอย่างพอเหมาะพอเจาะที่สุด…..
ฉึก
“โอ๊ย ย ย” มันร้องลั่นร่วงลงพื้น
นภาตามเก็บมีด โดยดึงออกรวดเร็ว เลือดพุ่งกระฉูดในความมืด ซึ่งมองเห็นจากแว่นวิเศษได้ชัดเจน กลิ่นคาวสะอิดสะเอียน
แดนล้วงเอาวิทยุโบราณยื่นให้อ่องทุน พร้อมกับบอกว่า…”เอ็งถือไว้ ถ้ามีเสียงเรียกมาให้โต้ตอบไปนะ แต่ต้องบอกข้าก่อนว่าจะพูดกับพวกมันว่าอะไรอย่างเมื่อกี้”
“ครับสารวัตร”อ่องทุนรีบรับและยัดใส่เป้หลังทันที
จากนั้น…ทั้งสามรีบรุดไปสมทบกับลูกทีมในทีมบี ซึ่งล่วงหน้ามาก่อนหลายชั่วโมงแล้ว โดยที่แดนให้ ส.ต.อ.ชาตรีคุมทีมมา มี ร.อ.จำรูญเป็นผู้นำทางและที่ปรึกษา
เมื่อเริ่มออกเดิน แดนถามอ่องทุนซึ่งเดินอยู่กลาง ท้ายสุดเป็นนภา…
”คำว่าปล่องแมงจอน เอ็งว่ามาซิมันเป็นยังไง”
“คืองี้ครับสารวัตร แมงจอนคือแมงที่อยู่ตามดินนุ่ม หากินอยู่ในดิน มันทำปล่องโผล่ขึ้นจากดิน เราเรียกว่าปล่องแมงจอนครับสารวัตร”
“เมื่อกี้พวกโรงงานบอกไอ้ผีตายโหงสองตัวนั่นว่า อย่าเข้าทางปล่องแมงจอน หมายความว่ายังไงวะอ่องทุน” นภาถามมาจากข้างหลัง
“ก็หมายความว่าให้ไปเข้าประตูคนที่โรงงานนะสิ” อ่องทุนบอก
“งั้นก็หมายความว่า มีปล่องแมงจอนเข้าไปหาโรงงานนะสิหัวหน้า” นภาโพล่งขึ้นเบาๆ
“คิดว่ายังงั้นนะจ่า ชาตรีกับลูกทีมถึงไม่เห็นกองคาราวานออกจากโรงงานยังไง” แดนว่า
“อา…ไม่ง่ายอย่างที่เราคิดเสียแล้ว โรงงานนรกนี่จะต้องสร้างขึ้นอย่างพิลึกพิลั่นอย่างใดอย่างหนึ่งแน่ อ่องทุน..มึงเคยเห็นโรงงานกี่ครั้งวะ” นภาถาม
“เห็นสองครั้งครับจ่า แต่เห็นระยะไกล ผมกับทุนทุน และตันเลแอบมาดู ไม่ได้เข้าใกล้แต่อย่างใด”
“หัวหน้าเอายังไงเนี่ย ผมว่ามันจะต้องมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น กองคาราวานตั้งสิบๆคนรวมทั้งหน่วยคุ้มกันเดินออกจากโรงงาน แต่ไม่มีใครเห็น”
“เอาน่าจ่าเดี๋ยวรู้เรื่อง นี่อ่องทุน…”
“ครับสารวัตร”
“อย่าเพิ่งเข้าใกล้โรงงานนะ หาปล่องแมงจอนรอบๆโรงงานให้เจอ จะช่วยทำให้งานเราง่ายขึ้นเข้าใจมั้ย”
“เข้าใจครับสารวัตร”
ยี่สิบนาทีต่อมา…แดน นภาและอ่องทุนเดินมาใกล้จะถึงโรงงานหมายเลขสองซึ่งเป็นโรงงานใหญ่ที่สุด แดนให้ระหัสว่าโรงงานบี อยู่ห่างไปเพียงสองร้อยเมตรกว่าๆเท่านั้นเอง แดนก็สั่งหยุด พร้อมทั้งตรวจตราดูว่ามีปล่องแมงจอนอย่างที่พูดกัน โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินหรือไม่ แต่ว่าหาเท่าไหร่ๆก็หาเจอไม่
แฟนพันธุ์แท้ของ “สิงขร” ต้องไม่พลาดผลงานเรื่องเยี่ยม ที่ได้บรรจงสรรค์สร้างนิยายน้ำดี ซึ่งเกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ รับรองว่า...สนุกครบทุกรส จนคุณวางไม่ลงอย่างแน่นอนใน
“แดน นรชน มือปราบสิบทิศ ตอนลุยมหันตภัยชายแดน” ซึ่งเป็นอีกภาคหนึ่งของ มือปราบสิบแผ่นดิน ที่โด่งดังและเป็นที่ชื่นชอบ ครองใจท่านผู้อ่านมา แล้วครับ
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
22 สิงหาคม 2559
ความยาว
626 หน้า (≈ 86,210 คำ)
ราคาปก
250 บาท (ประหยัด 48%)
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถล็อกอินเพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า