ก่อนพ่อตาย (ภาคพิเศษ)

พ่อในก่อนพ่อตาย (ภาคพิเศษ) ถือเป็นตัวแทนของคนในยุค สมัยนี้ที่ดิ้นรนสร้างความสําเร็จให้กับตัวเอง โดยการดิ้นรน ได้พาชีวิตเข้าสู่ทุกกิจกรรมที่นักธุรกิจกระทํากัน ไม่ว่าจะ เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ การวางมาดวางฟอร์ม สร้างความสัมพันธ์ที่จอมปลอม โดยมีบรรทัดสุดท้ายคือผลประโยชน์เข้าตัวเอง ดังคําพูดที่ว่า คอนเนคชั่นสร้างความสําเร็จ

พ่อแม้จะมีครอบครัว มีเมีย มีลูก แต่บ่อยครั้งเหลือเกินที่เอาเมียและลูกไว้ทีหลัง จนเมียถึงขนาดบ่นตะโกนออกมาว่า พ่อ เห็นคนอื่นดีกว่า แต่พ่อก็เถียงคอเป็นเอ็นว่า เพราะรักครอบครัว พ่อจึงต้องเมาและกลับบ้านดึกทุกที การเมาหรือกลับบ้าน ดึกของพ่อคือการไปทํางาน แต่จนแล้วจนรอดเมียและลูกก็ ยังไม่เคยเห็นความสําเร็จของพ่อซักที

พฤติกรรมของพ่อในหนังสือสะท้อนให้เกิดความเข้าใจปรากฏการณ์ “ผีบังตา” ซึ่งคนส่วนใหญ่ล้วนต้องเจอในช่วงของการ เริ่มต้นเดินทางค้นหาความสําเร็จ

หนังสือตีแผ่พฤติกรรมที่ใช้ไม่ได้ของคน โดยมีต้นเหตุมาจากการมีปัญญาที่ยังบกพร่องอยู่ แต่แม้ว่ามีปัญญาที่บกพร่อง แต่หากมีวิริยะหรือมีความเพียรเพื่อความสําเร็จแบบยอมตาย บวกกับจิตใจที่ตระหนักรักพ่อ แม่ เมีย ลูก ก็ทําให้เกิดสติ ที่ระลึกรู้ได้ถึงความใช้ไม่ได้ของตนเอง จนวันหนึ่งเมื่อกระทําเลวซ้ำๆ บ่อยๆ เข้า อาการวิราคะ (ความเบื่อหน่าย) ก็เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเดินเข้าสู่อริยมรรค หรือหนทางอันประเสริฐ อันความสําเร็จต้องเกิดขึ้นสถานเดียว เพราะคนได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากเลวมาเป็นดี โดยไม่มีการฝืนบังคับ คนจะเริ่มรู้ถึงสัจธรรม (ความลับ) ของความสําเร็จ ว่าเกิดขึ้นได้จากการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง

พ่อในหนังสือยังมีลักษณะของคนที่ไม่เชื่อสิ่งเร้นลับ ไม่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เวลาที่เมาเสียสติจึงท้าทายรูปเคารพบูชาไม่ว่าจะเป็นเจ้าแม่กวนอิม พระเครื่องที่บูชาอยู่บนหิ้งพระ พ่อในหนังสือจะทุบทําลาย เพื่อให้ตัวเองไร้เครื่องยึดเหนี่ยวจะ ได้เกิดอาการพึ่งพาตัวเองสูงสุด โดยไม่ต้องยืมจมูกใครหายใจอีกต่อไป

การท้าทายพลังอํานาจลึกลับที่คนส่วนใหญ่ ไม่กล้าท้าทายด้วยคําพูดที่ว่า “ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่” ได้ทําให้จิตเกิดกระบวน การโยนิโสมนสิการ รู้ว่าความจริงของสรรพสิ่งเกิดมาจากอะไร อย่างพ่อในเรื่องทุบรูปหล่อบูชา พ่อจึงรู้ความจริงว่า แม่ของตนหลงกราบไหว้ปูนขาวจนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของชีวิต พ่อจึงนําความรู้ใหม่นี้ไปใช้กับการมองสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเงิน พ่อก็มองเป็นกระดาษ คนพ่อก็มองเป็นธาตุสี่ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทําให้จิตรู้มากขึ้นไปเรื่อยๆ ว่าตัวพ่อไม่ได้มี ถึงขั้นที่จิตถอนอุปาทาน คลายความยึดมั่นถือมั่น พาให้เกิดวิราคะ (ความเบื่อหน่าย) ต่อทุกสิ่ง พ่อจึงพบอริยมรรคโดยบังเอิญ พ่อในหนังสือจึงถือเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจว่าการเดินทางเข้าสู่มรรคในอริยสัจสี่ สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเริ่มต้นมาจากความรักที่มีกับแม่ เมีย และ ลูก (หนึ่ง) บวกกับจิตใจที่มีความเพียร ถึงขั้นว่าถ้าทําไม่สําเร็จ จะฆ่าตัวตาย (สอง) ในขณะที่มีชีวิตแบบคนทั่วไป คือเลวๆ ดีๆ ทําให้เกิดอาการสัมมาสติระลึกรู้ ถึงการทําเลวของตัวเองได้ทุกครั้ง จนวันหนึ่งอาการวิราคะได้เกิดขึ้น อริยมรรคก็พลันปรากฏขึ้นทันทีอีกนัยหนึ่ง พ่อในหนังสือมีความรักต่อแม่ เมีย และลูก (หนึ่ง) มีความเพียรถึงขั้นว่า ถ้าทําไม่สําเร็จจะฆ่าตัวตาย (สอง) บวกกับละอาการสีลัพพัตปรามาส (สาม) ด้วยการไม่เชื่อสิ่งเร้นลับ ไม่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล ทําให้เกิดการพึ่งพาตนเองสูงสุด อริยมรรคก็พลันปรากฏขึ้นทันทีเช่นกัน

อีกนัยหนึ่งพ่อในหนังสือมีความรักต่อแม่ เมีย และลูก (หนึ่ง) มีความเพียรถึงขั้นว่า ถ้าทําไม่สําเร็จจะฆ่าตัวตาย (สอง) ละอาการสีลัพพัตปรามาส (สาม) บวกกับมีอาการ โยนิโสมนสิการ (สี่) คือ มองสิ่งหนึ่งว่าเกิดจากส่วนย่อยๆ ทําให้เกิดการพึ่งพาตัวเองสูงสุด และละความยึดมั่นถือมั่น (อุปาทาน) ไปด้วย อริยมรรคก็พลันปรากฏขึ้นทันทีเช่นกัน อริยมรรคที่ปรากฏขึ้นก็คือปัญญานั่นเอง พ่อในหนังสือจึงเริ่มจากเลวไปดี และจบลงที่ความสําเร็จแบบน่าสะเทือนใจผู้อ่าน

ชาย กิตติคุณาภรณ์
www.fpmcource.com,
www.advicefpm.com,
E-MAIL : sumrej2011@gmail.com