Icon Close

ตกผลึกเรื่องที่คนทำธุรกิจต้องรู้ 2 (ชื่อเดิม "นักธุรกิจตัวจริง")

ตกผลึกเรื่องที่คนทำธุรกิจต้องรู้ 2 (ชื่อเดิม "นักธุรกิจตัวจริง")
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
No Rating
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
08 พฤษภาคม 2563
ความยาว
241 หน้า
ราคาปก
300 บาท (ประหยัด 33%)
ตกผลึกเรื่องที่คนทำธุรกิจต้องรู้ 2 (ชื่อเดิม "นักธุรกิจตัวจริง")
ตกผลึกเรื่องที่คนทำธุรกิจต้องรู้ 2 (ชื่อเดิม "นักธุรกิจตัวจริง")
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
No Rating
มันเป็นบ่ายวันที่ท้องฟ้าสีขุ่น มีสายลมพัดกระโชกแรง หมู่แมกไม้ก็สับสนกับทิศทางลม ไม่รู้ว่าจะบิดพริ้วยอดไม้ไปทางไหนดี พวกมันบ่นรําพึงรําพัน ว่าเอ๊ะ เกิดอะไรขึ้นนี่ ทําไมบรรยากาศบนฟ้าจึงดูแปรปรวนขนาดนี้

กลับมาสู่เหตุการณ์ในตึกรามขนาดสูงใหญ่ที่ซอยห้องออกเป็นห้องเล็กห้อง น้อย ผมเห็นสมบัติ สมชาย สมศรี สุทธิรัตน์ สมนึก สมหวัง ลําเจียก และอีก มากมายสุดที่จะเอ่ยชื่อได้หมดเฝ้าร้องรําพันในใจกับเรื่องราวทางธุรกิจที เขาเป็นผู้ขับเคลื่อนว่า เอ๊ะทําไมธุรกิจจึงไม่ได้เป็นอย่างใจที่คิดหวังไว ธุรกิจมันจึงเต็มไปด้วยเรื่องที่ยุ่งเหยิง ทําไมความขัดแย้งตลอดไปถึงปั กระจุ๊กกระจุ๊กในการบริหารและจัดการธุรกิจจึงไม่หมดไป ทําไมคนทําธุรกิจ จึงต้องทุกข์ทน ไม่ต่างอะไรกับการว่ายวนอยู่ในกระทะทองแดงที่มีน้ําร้อน ทรมานในระดับที่ทนได้

กลับมาสู่เหตุการณ์ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กกระทัดรัดพอที่ตัวคนคนเดียวขยับเขยื้อนตัวได้ มองสูงขึ้นไปจากพื้นห้องในระดับที่เงยหน้าขึ้นมองกําแพงห้องนิดหนึ่ง บุญทิ้งนักธุรกิจใหญ่โตในอดีตกําลังนั่งเหม่อลอยทอดลมหายใจอย่างยาวนานเฮือกแล้วเฮือกเล่า เขากําลังนั่งนับวันรอว่าอีกเพียงแค่ 1 ปีก
อีก 15 วัน เขาจะได้ออกจากคุกแห่งนี้แล้ว โธ่เขาไม่น่าจะติดคุกเพราะเรื่องของการลงบัญชีเท็จเลย ทําไมผู้ถือหุ้นของบริษัทจึงเล่นบทโหดกับเขาในฐานะ กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทรุนแรงถึงเพียงนี้

กลับมาสู่เหตุการณ์ในป่าเขาที่สูงจากระดับน้ําทะเล 1,500 เมตร เฮียสมหวัง เจ้าของโรงงานผลิตโมลพลาสติกย่านบางบอนกําลังออกบิณฑบาต โดยใจก็ ได้แต่คิดว่า การบวชครั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดสติปัญญา นํากลับไปจัดการธุรกิจไม่มั่วอีกต่อไป ..ทําไมเรื่องราวในธุรกิจมันเหมือนกับนิยายน้ําเน่า บางทีมันไม่ต่างอะไรจากหนังสงครามที่เต็มไปด้วยกับดักและกับระเบิดมากมาย

หลายๆ เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างให้ท่านพิจารณา ผมเห็นใจครับว่า คนทํา ธุรกิจขาดองค์ความรู้ในการบริหารและจัดการธุรกิจตามกฎกติกาที่เป็นสากล พวกเขาไม่รู้กฎที่รัฐบาลบัญญัติให้คนทําธุรกิจต้องปฏิบัติตาม ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่รู้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจนั้นมีวิธีการแก้ไขที่เป็นสูตร กับคัมภีร์อยู่แล้ว อย่างถ้าผู้ถือหุ้นตกลงซื้อหุ้นเอาไว้แล้ว และต่อมายอมจ่ายค่าหุ้นในส่วนที่ยังค้างอยู่ งานนี้ในฐานะที่ท่านเป็นกรรมการบริ ท่านจะสงสารและเห็นใจผู้ถือหุ้นอย่างไรก็ไม่ได้ เพราะการเห็นใจคนคนเดียว เท่ากับทําร้ายคนส่วนใหญ่ที่เขาก็เป็นผู้ถือหุ้นเหมือนกัน กรณีแบบนี้กรรมการมักจะเห็นใจไม่กล้าที่จะดําเนินการใดๆ ได้แต่หยวนๆ คอยผัดผ่อนให้จนในที่สุดบริษัทก็ได้รับความเสียหาย แต่ถ้าหากกรรมการคนนี้รู้ข้อกฎหมาย กรรมการ คนนี้ก็จะแยกแยะได้ว่า หน้าที่คือหน้าที่ ไอ้ความจําเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคิดดอกเบี้ยค่าหุ้นที่นําส่งล่าช้า และการรีบดําเนินกา หุ้นเอาออกขายทอดตลาดเป็นหน้าที่ของกรรมการที่ต้องดําเนินการ หากไม่ดําเนินการกรรมการอาจโดนผู้ถือหุ้นคนอื่นฟ้องข้อหาละเมิดตามข้อกฎหมาย มาตรา 420 และเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัทจากกรรมการ กรรมการ อาจโดนฟ้องแล้วต้องสูญเสียทรัพย์สินของตนและครอบครัวจนหมดตัวก็เป็นได้

ประเด็นที่กล่าวไปข้างต้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริงบนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ อยากจะบอกให้คนทําธุรกิจรู้ว่า ไอ้ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและความรู้สึก สับสนต่างๆ นาๆ ในธุรกิจจะไม่เกิดขึ้น หากคนทําธุรกิจรู้ว่า หากปล่อยใหความไม่ลงตัวนี้เกิดอย่างต่อเนื่องต่อไป ตัวเขานั่นแหละจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบ ได้รับความเดือดร้อนและความเสียหายมากที่สุด อย่างตัวอย่างที่อธิบายข้างต้นว่า ถ้ากรรมการไม่รีบริบหุ้นเอาออกขายทอดตลาด กรรมการอาจโดนผู้ถือหุ้นคนอื่นฟ้อง และสุดท้ายกรรมการก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะเ คนที่เห็นอกเห็นใจใครได้อีกต่อไป กรรมการไม่ต่างอะไรจากคนปัญญาอ่อนดีๆ นี่เอง

การทําธุรกิจนอกจากจะต้องรู้กฎ กติกา มรรยาท ที่สังคมโลก (รัฐบาล) กําหนดแล้ว คนทําธุรกิจยังจะต้องรู้จักกับศาสตร์อื่นๆ ที่ผสมควบรวมกับเรื่องกฎ กติกา และมรรยาทเหล่านั้น ตรงนี้ผมกําลังพูดถึงการรู้เรื่อง ทางการเงิน บัญชี กฎหมาย และภาษีอากร ตามที่ควรจะรู้ ตามที่พอเหมาะพอควร เพื่อการประคองธุรกิจให้เดินต่อไปในเส้นทาง จนสุดท้ายปลายทาง ธุรกิจกลายเป็นยักษ์ใหญ่ผู้ใจดี และเอื้ออาทรต่อโลกใบนี้ได้

ผมเขียนคํานํานี้อย่างเลื่อนลอยโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้นว่า หนังสือเล่มนี้ดึงดูดให้คนที่เปิดอ่านมาที่คํานําจะต้องควักเงินจากกระเป๋ามาซื้อ ผมไม่สนหรอก ผมสนใจเพียงแค่ว่า หนังสือเล่มนี้มันคือบาดแผล คือเรื่องราวที่ค่อยๆ รู้และผสมควบรวมกันระหว่างเรื่องทางการจัดการ บัญชี กฎหมาย และภาษี
อากร เออแล้วยังเรื่องของการโกง การโกงที่ถูกต้องตามข้อกฎหมายที่ใครๆ หากรู้เรื่องตามที่ผมเขียนไปในหนังสือเล่มนี้ ใครคนนั้นก็น่าจะเป็นคน
ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ เขาจะบุกโลกหรือหันหลังให้กับโลกก็อาจจะเป็นผลลัพธ์จากการได้อ่านหนังสือเล่มนี้

ท้องฟ้ายังคงสีขุ่นอยู่นะครับในตอนที่เขียนคํานําให้กับหนังสือเล่มนี้ จะจบคํานําของหนังสือเล่มนี้เอาไว้เพียงเท่านี้ ผมจะจดจําวันคืนแห่งการได้เขียนเรื่องราวที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์และอาทิตย์ คนบนโลกใบนี้ได้อ่าน โดยไม่เคยเบี้ยวว่ามีวันใดที่ผมจะลืมและหยุดเขียนมัน ผมจะเขียนไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

คุณงามความดีของหนังสือเล่มนี้ขอมอบให้แด่แม่ที่จากไปไกล และนักธุรกิจ ตัวจริงทุกท่านที่อดทนต่อสู้กับความไม่รู้ด้วยสติปัญญา ด้วยหลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า

โชคดีทุกท่านครับ

ชาย กิตติคุณาภรณ์
www.fpmcource.com
www.advicefpm.com
E-MAIL : sumrej2011@gmail.com
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
08 พฤษภาคม 2563
ความยาว
241 หน้า
ราคาปก
300 บาท (ประหยัด 33%)

สนใจเวอร์ชันกระดาษ เชิญทางนี้!

เวอร์ชันกระดาษมีวางขายที่เว็บไซต์สำนักพิมพ์ จะไม่มีขายโดย MEB นะจ๊ะ สามารถสั่งซื้อ หรือติดต่อคนขายโดยตรงเลยจ้ะ
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถล็อกอินเพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า